Safety Radiation System |

ระบบความปลอดภัยสำหรับบุคคล

Drop Shadow

ระบบความปลอดภัยสำหรับผู้ปฏิบัติงาน

ณ ระบบลำเลียงแสงที่ 1.3W

อักษรย่อและคำศัพท์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของระบบลำเลียงแสงที่ 1.3 W มีดังนี้

ชื่อ

ความหมาย

  • ABS (Absorber)

ตัวปิดกั้นความร้อนและรังสีพลังงานต่ำ

  • Beacon

ไฟสัญญาณ

  • BS (Beam stopper)

ตัวปิดกันรังสี

  • Buzzer

เสียงสัญญาณ

  • DMM (Double multilayers monochromator)

เครื่องคัดแยกรังสีเอกซ์พลังงานเดี่ยวด้วยกระจกเคลือบหลายชั้นแบบคู่

  • EH (Experimental hutch)

สถานีทดลอง

  • FE (Front end)

ระบบลำเลียงแสงส่วนหน้า

  • FM (Focusing mirror)

กระจกรวมแสง

  • FSG (Front safety gate)

ประตูหน้าป้องกันรังสี

  • Interlock

อุปกรณ์และโปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยซึ่งเชื่อมต่อและทำงานสัมพันธ์กัน

  • MB (Monochromatic beam)

รังสีเอกซ์ความถี่เดี่ยว

  • MBS (Monochromatic beam shutter)

ตัวปิดกั้นรังสีเอกซ์ความถี่เดี่ยว

  • OH1 (Optics hutch 1)

ห้องอุปกรณ์ทัศนศาสตร์ 1

  • OH2 (Optics hutch 2)

ห้องอุปกรณ์ทัศนศาสตร์ 2

  • PBS (Primary beam stopper)

ตัวปิดกั้นรังสีเอกซ์หลักหลังจากวิ่งชนตัวอย่าง

  • PLC (Programmable logic controller)

ตัวควบคุมลอจิกแบบตั้งโปรแกรมได้

  • PSS (Personnel safety system)

ระบบความปลอดภัยสำหรับบุคลากร

  • RS (Radiation shielding)

แผ่นปิดกั้นรังสี

  • RSG (Rear safety gate)

ประตูหลังป้องกันรังสี

  • SC (Screen)

ฉากเรืองรังสีเอกซ์

  • SG (Safety gate)

ประตูป้องกันรังสี

  • SH (Safety hutch)

ห้องป้องกันรังสี

  • Safety shutter

ตัวปิดกั้นรังสีที่ทำหน้าที่กั้นไม่ให้รังสีเข้ามาในสถานีทดลองซึ่งหมายถึง MBS1

  • WB (White beam)

รังสีความถี่รวม

  • WBS (White beam shutter)

ตัวปิดกั้นรังสีความถี่รวม

ระบบลำเลียงแสงที่ 1 แบ่งออกเป็น 3 ระบบลำเลียงแสงย่อย

คือ BL1.1W BL1.2W และ BL1.3W โดยทั้งสามระบบลำเลียงแสงจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน

  1. ระบบลำเลียงแสงส่วนหน้า (Front end, FE)
  2. ห้องอุปกรณ์ทัศนศาสตร์ 1 (Optics hutch 1, OH1)
  3. ห้องอุปกรณ์ทัศนศาสตร์ 2 (Optics hutch 2, OH2)
  4. สถานีทดลอง (Experimental hutch, EH)

Front end (FE)

Optics hutch 1 (OH1)

Optics hutch 2 (OH2)

Experimental hutch (EH)

เมื่อพิจารณาลำดับการเชื่อมต่อ เฉพาะอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัย ของระบบลำเลียงแสงที่ 1.3W จะสามารถสรุปเป็นแผนผังดังแสดงในรูป โดยอุปกรณ์ทั้งหมดจะถูกควบคุมการทำงานโดยระบบ interlock ที่เป็นแกนหลักในการดูแลการปฏิบัติงานของบุคลากรให้ได้รับความปลอดภัยในด้านต่างๆ

Drop Shadow

Machine Shutdown ”

ระบบ interlock ของระบบลำเลียงแสงที่ 1.3W

Drop Shadow

Beam Service ”

ระบบ interlock ของระบบลำเลียงแสงที่ 1.3W

ABS อยู่ใน FE chamber ทำหน้าที่ปิดกั้นความร้อนและรังสีพลังงานต่ำที่มากับแสงซินโครตรอน มีสถานะการทำงาน 2 สถานะ คือ สถานะเปิด (ยกขึ้นสูงสุดและพ้นแสง) และสถานะปิด (ยกลงต่ำสุดและบังแสงทั้งหมด) โดยทำจากโลหะทองแทงมีขนาดกว้างxสูงxหนา 60x50x28 มม.

Absorber (ABS)

White Beam Shutter 1 (WBS1)

WBS1 อยู่ใน FE chamber ทำหน้าที่ปิดกั้นรังสีความถี่รวม ที่สามารถทะลุออกมา หลังจากการปิด ABS อีกชั้นหนึ่ง ทำจากตะกั่ว มีขนาด กว้างxสูงxหนา 150x40x40 มม.3 ดังแสดงในรูปที่ 4โดยมี 2 สถานะการทำงาน คือ สถานะเปิด (ยกขึ้นสูงสุดและพ้นแสง) และสถานะปิด (ยกลงต่ำสุดและบังแสงทั้งหมด) เนื่องจากอุปกรณ์ WBS1 จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานร่วมกันทั้ง 3 ระบบลำเลียงแสง BL1.1W BL1.2W และ BL1.3W ในช่วงการให้บริการแสงปกติ WBS1 จะถูกเปิดอยู่ตลอดเวลา จะปิดในกรณีต้องมีการเข้าไปซ่อมบำรุงภายใน OH1

Radiation shielding 1 (RS1)

RS1 กั้นระหว่าง FE และ OH1 ทำจากก้อนตะกั่วหนา 50 มม. มีหน้าที่ปิดกั้นรังสีกระเจิงที่ออกมาจากวงแหวนกักเก็บอิเล็กตรอน และระบบลำเลียงแสงส่วนหน้า

ไม่ให้เข้ามาภายใน OH1

White Beam Shutter 2 (WBS2)

WBS2 อยู่ใน OH1 ทำหน้าที่ปิดกั้น WB และรังสีพลังงานสูง ทำจากโลหะทองแดงขนาด 60x50x28 มม.3 และปิดท้ายด้วยตะกั่วขนาด 50x40x15 มม3 (กว้างxสูงxหนา)

มีสถานะการทำงาน 2 สถานะ คือ สถานะเปิด (ยกขึ้นสูงสุดและพ้นแสง)

และสถานะปิด (ยกลงต่ำสุดและบังแสงทั้งหมด)

เมื่อมี WB ส่วนเกินในแนวตั้ง ฐานรองกระจก DMM ตัวที่ 1 จะทำหน้าที่บัง WB ส่วนล่าง

Mirror stage เป็นฐานของกระจกใน Double Multilayers Monochromator (DMM) ทำหน้าที่ปิดกั้น WB ที่เกิดขึ้น (White beam block inside DMM) หลังจากคัดเลือกพลังงานเดี่ยวแล้ว โดยเมื่อ Align แสงจะต้องมีการตรวจทุกครั้งว่า WB ส่วนเกินในแนวตั้ง ไม่อยู่เหนือฐานของกระจกตัวที่ 1 โดยฐานของกระจกตัวที่ 1 ใน DMM ต้องสามารถบัง WB ส่วนเกินจากด้านล่างได้ทั้งหมด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จาก สกรีนทาสารเรืองแสง SC1-FM ซึ่งอยู่ก่อนถึงกระจกรวมแสง FM และอยู่ด้านหลัง DMM จะต้องตรวจพบแต่รังสีเอกซ์ความถี่เดี่ยว (monochromatic beam, MB) เท่านั้น

Mirror stage

Radiation shielding 2 (RS2)

RS2 กั้นระหว่าง OH1 กับ OH2 ทำจากแผ่นตะกั่วหนา 1.5 มม.

ทำหน้าที่ปิดกั้นรังสีกระเจิง ที่ออกมาจากห้อง OH1

MBS1 อยู่ใน OH2 ทำหน้าที่ปิดกั้นรังสีเอกซ์ความถี่เดี่ยว (monochromatic X-ray beam) ใช้การออกแบบเดียวกับ WBS2 คือทำจากโลหะทองแดงขนาด 60x50x28 มม. และปิดท้ายด้วยตะกั่วขนาด 50x40x15 มม. (กว้างxสูงxหนา) ดังแสดงในรูปที่ 10 มีสถานะการทำงาน 2 สถานะ คือ สถานะเปิด และสถานะปิด ทำหน้าที่เป็น shutter หลักในการเปิด-ปิดแสง ไม่ให้เข้าไปใน EH ขณะมีผู้ปฏิบัติงานอยู่ภายใน EH โดยสถานะของการเปิด-ปิดของอุปกรณ์ MBS1 นี้ ถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบ interlock ในการเปิด-ปิดประตูของ EH นั่นคือจะไม่สามารถเปิดประตูเข้าไปข้างใน EH ได้ หาก MBS1 มีสถานะเป็น open

Monochromatic Beam Shutter 1 (MBS1)

Radiation shielding 3 (RS3)

RS3 อยู่ระหว่าง OH2 และ EH ดังแสดงในรูปที่ 11 ทำหน้าที่ปิดกั้นรังสีกระเจิง ที่ออกมาจากห้อง OH2

MBS2 ติดตั้งอยู่ภายใน experimental hutch บริเวณด้านหน้าตำแหน่งติดตั้งตัวอย่าง ดังแสดงในรูปที่ 12 ตัววัสดุปิดกั้นแสงทำจากโลหะทังสเตน หนา 2.3 มม. ซึ่งสามารถกั้น x-ray พลังงานสูงสุด 100 keV ทำหน้าที่ปิดกั้นรังสีเอกซ์ความถี่เดี่ยว (monochromatic X-ray beam) พลังงาน 9 keV ซึ่งใช้งานอยู่ที่ระบบลำเลียงแสงที่ 1.3W มีสถานะการทำงาน 2 สถานะ คือ สถานะเปิด (แท่งทังสเตนยกขึ้นสูงสุดและพ้นแสง) และสถานะปิด (แท่งทังสเตนยกลงต่ำสุดและบังแสงทั้งหมด) ทำหน้าที่เป็น shutter สำหรับเปิดปิด x-ray ให้วิ่งชนตัวอย่าง โดยในขณะที่มีผู้เข้าไปปฏิบัติงานใน EH ทั้ง MBS2 และ MBS1 จะต้องอยู่ในสถานะปิด นั่นคือไม่มี x-ray เดินทางมาที่ EH จึงจะสามารถเปิดประตูเข้าไปใน EH ได้ เมื่อผู้ปฏิบัติงานออกจาก EH และทำการ search hutch และล็อคประตู ตามกระบวนการความปลอดภัยแล้ว จึงจะสามารถควบคุม MBS1เพื่อเปิดให้ x-ray เข้ามาใน EH ได้ จากนั้นจึงจะสามารถควบคุม MBS2 เพิ่อเปิดให้รังสีเอกซ์วิ่งชนตัวอย่างได้ต่อไป

Monochromatic Beam Shutter 2 (MBS2)

Radiation shielding 4 (RS4)

RS4 แผ่นตะกั่ว หนา 1.0-1.5 มม. หุ้มล้อมรอบท่อสุญญากาศของระบบลำเลียงแสงที่ BL1.2W ทั้งหมด ภายใน Experimental hutch (EH) ของระบบลำเลียงแสง BL1.3W และหุ้มทับด้วย aluminum foil เพื่อป้องกันการสัมผัสโดยตรงกับตะกั่ว

Primary Beam Stopper (PBS)

PBS ติดตั้งอยู่ภายใน EH บริเวณด้านหน้า detector ทำหน้าที่ปิดกั้น รังสีเอกซ์ความถี่เดี่ยว (monochromatic X-ray beam) หลังจากผ่านตัวอย่าง ไม่ให้รังสีเอกซ์ความเข้มสูงเดินทางไปถึง detector โดยตรง ซึ่งด้านหน้าของ PBS จะมี Photodiode สำหรับการอ่านค่า ความเข้มรังสีเอกซ์หลังจากเดินทางผ่านตัวอย่าง และด้านหลังของ PBS ทำจากวัสดุสเตนเลสหนา 2 มม. และปิดทับด้วยทังสเตนหนา 5 มม.

Beam Stopper (BS)

BS ทำจากแผ่นตะกั่วหนา 1.0 มม ซ้อนกันจำนวน 2 ชั้น หุ้มด้วยอลูมิเนียม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 220 มม. ติดตั้งที่ด้านหลังผนัง Experimental hutch ตรงกับตำแหน่งแนวการเคลื่อนที่ของ primary x-ray beam ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้ x-ray ในแนว primary beam ผ่านไปด้านหลัง experimental hutch

Safety hutch (SH)

SH ทำหน้าที่แยกอาณาเขตของพื้นที่ควบคุมรังสีออกจากพื้นที่ทั่วไปโดยสมบูรณ์

SH เป็นห้องมีผนังทำด้วยตะกั่วหนา 1.5 มม. ประกบด้วยเหล็กหนา 2 มม. ทั้งสองด้าน ทำหน้าที่ป้องกันรังสีไม่ให้ออกนอกบริเวณ SH โดยแบ่งออกเป็น 3 ห้องย่อยคือ OH1, OH2 และ EH ดังแสดงในรูปที่ 16 แต่ละห้องมีทางเข้าหลัก 1 ทาง และทางเข้ารอง 1 ทาง ซึ่งอยู่คนละด้านของผนัง hutch

Safety gate (SG)

ทำหน้าที่เป็นทางเข้าออกพื้นที่ควบคุม ผนังทำจากวัสดุชนิดเดียวกันกับผนัง SH

Front safety gate (FSG) เป็นทางเข้าออกหลักของแต่ละห้อง มีระบบล็อคประตูสามชั้น ทั้งการล็อคเชิงกลด้วยกุญแจ ระบบล็อคแม่เหล็ก และระบบ contact switch โดยเป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ สำหรับ OH1 และ OH2 และเป็นประตูบานพับขนาดเล็ก ซึ่งมีกระจกกันรังสีเทียบเท่าตะกั่วหนา 2.5 มม. ติดตั้งอยู่บนบานประตู สำหรับ EH ซึ่งระบบ contact switch เป็นระบบที่แยกออกมาจากระบบของ PLC นั่นคือเป็น switch ที่ต่ออนุกรมกับสายไฟที่ไปควบคุมการทำงานของ shutter ไม่ว่าประตูถูกเปิดออกด้วยสาเหตุใดก็ตาม สายไฟที่ส่งสัญญาณไฟฟ้าไปเปิดการทำงานของ shutter ก็จะถูกตัดการเชื่อมต่อ ทำให้ไฟไม่ครบวงจร ซึ่งจะทำให้ shutter

ซึ่งมีการทำงานแบบ normal close ปิดลงโดยอัตโนมัติ

Rear Safety Gate (RSG) เป็นประตูบานเลื่อนขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่บนผนัง SH ฝั่งตรงข้ามกับ FSG ใช้สำหรับเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ขนาดใหญ่ เข้า หรือออกจาก SH โดยมีระบบล็อคประตู 2 ชั้นด้วยระบบล็อคแม่เหล็กและ contact switch และเพื่อป้องกันการเปิดแสงผิดพลาดในขณะที่ RSG ถูกเปิดอยู่ ระบบล็อคของ RSG จึงทำงานสัมพันธ์กับระบบล็อคของ FSG โดยต้องปลดล็อค FSG ก่อนการปลดล็อค RSG และต้องทำการล็อค RSG ก่อนการล็อค FSG

สัญญาณไฟ X-ray on

สัญญาณไฟ x-ray on มีจำนวน 3 ชุด ติดตั้งอยู่บริเวณด้านบนของประตูหน้า ภายใน และบริเวณด้านบนของประตูหลัง EH เมื่อสัญญาณไฟ x-ray on สว่าง หมายถึง MBS2 ได้ถูกยกขึ้น (open)

มีผลให้รังสีเอกซ์เดินทางไปยังตัวอย่างและ detector

ติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้า EH ดังแสดงในรูปที่ 21 เชื่อมต่ออยู่กับสถานะของ MBS1 ซึ่งมีความหมายดังต่อไปนี้

  • สัญญาณไฟเขียว: ไม่มีรังสีเอกซ์ข้างใน EH และสามารถเข้าไปข้างใน EH ได้
  • สัญญาณไฟแดง: มีรังสีเอกซ์ข้างใน EH และไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใน EH
  • สัญญาณไฟส้ม: สถานะพร้อมที่จะเปิด MBS1 และไม่อนุญาตให้เข้าไปภายใน EH
  • สัญญาณไฟส้มและเขียวติดพร้อมกัน: อยู่ในระหว่างกระบวนการ search hutch

สัญญาณไฟ Beacon

ด้านหน้า EH (BH1)

สัญญาณไฟ Beacon

บริเวณปุ่ม search hutch (BH2)

ติดตั้งอยู่ภายใน EH ข้างปุ่ม search hutch ใช้สำหรับแสดงไฟเตือนสีส้มก

ระพริบ ขณะมีการกดปุ่ม search hutch

Search hutch

ปุ่มสีเหลือง ติดตั้งอยู่ด้านใน บริเวณด้านข้างประตู EH, OH1 และ OH2 ใช้สำหรับเริ่มกระบวนการ search hutch เพื่อแจ้งเตือนบุคคลที่ยังอยู่ข้างในว่ามีความต้องการปิดประตู FSGให้คนที่ยังอยู่ด้านในทั้งหมดรีบออกมาจาก hutch เมื่อมีการกดปุ่ม search hutch ระบบจะจับเวลา 15 วินาที โดยขณะนั้นสัญญาณไฟ BH1 จะติดเป็นสีส้มและสีเขียว สัญญาณไฟ BH2 จะติดเป็นสีส้มกระพริบ และลำโพงจะส่งเสียงดนตรีเตือนผู้อยู่ภายใน hutch นั้นๆ

Emergency

ปุ่มสีแดง ติดตั้งอยู่ภายใน บริเวณด้านข้างประตูทั้ง FSG และ RSG

และหน้าตู้ควบคุม hutch interlock รวมมีปุ่ม emergency ติดตั้งอยู่ 3 ปุ่ม ต่อ 1 hutch

ใช้สำหรับหยุดรังสีเอกซ์ / รังสีความถี่รวม ที่เข้ามาใน hutch นั้นๆ ในกรณีฉุกเฉิน

ลำโพง ติดตั้งอยู่ภายใน OH1, OH2, EH และด้านหน้า EH ใช้สำหรับส่งเสียงดนตรีเมื่อมีการกดปุ่ม search hutch เพื่อเตือนให้ผู้ที่ยังอยู่ด้านใน hutch

รีบออกมาข้างนอกทันที

ลำโพง

ตู้ควบคุมการทำงานของ

ระบบเปิด-ปิดประตู hutch

ตู้ควบคุมการทำงานของระบบเปิดปิดประตู hutch (hutch interlock controller) (HIC) ติดตั้งอยู่ด้านข้างของประตู FSG ทุกบาน ประกอบด้วยจอแสดงสถานะของการเปิด-ปิดประตูทุกบาน การเปิด-ปิดABS / WBS / MBS และวาล์วทุกตัวของทั้ง 3 ระบบลำเลียงแสง BL1.1W, BL1.2W และ BL1.3W สถานะการกดปุ่ม emergency มีปุ่ม-สวิตช์กุญแจสำหรับควบคุมระบบล็อคแม่เหล็ก สวิตช์กุญแจสำหรับการทำ override ระบบ hutch interlock มีปุ่ม emergency สำหรับตัดการทำงานแบบฉุกเฉิน มี buzzer สำหรับส่งเสียงเตือนในกรณีมีความพยายามจะเข้าไปภายใน hutch ในขณะที่ยังไม่ได้ปิด WBS / MBS ที่อยู่ก่อนถึง hutch นั้นๆ และสำหรับตู้ควบคุมหน้า EH จะมีสวิตช์ควบคุมการเปิดปิด MBS1 เพิ่มเติม

ระบบ interlock จะตรวจสอบสถานะของแม่เหล็กล็อคประตู โดยจะต้องมีสถานะเป็น ON ก่อนจะอนุญาตให้เปิด ABS / WBS / MBS ที่อยู่ก่อนหน้าแต่ละ hutch โดยการจะ ON ระบบล็อคแม่เหล็กได้ ต้องผ่านกระบวนการ search hutch สำเร็จก่อน

กระบวนการ search hutch

(การปิด FSG)

  • กดปุ่ม search hutch สีเหลืองภายใน hutch บริเวณ FSG ระบบเริ่มจับเวลา 15 วินาที พร้อมส่งสัญญาณไฟเตือนที่ BH1 เป็นสีส้มและสีเขียวติดสว่าง, BH2 เป็นสีส้มกระพริบ และเสียงเตือนที่ลำโพงทั้งด้านในและด้านนอก EH
  • ออกจาก hutch ปิดและล็อคกุญแจประตู
  • นำกุญแจออกจากประตู เสียบช่องเสียบกุญแจบน HIC และบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดระบบล็อคแม่เหล็ก โดยในขั้นตอนนี้ จะต้องทำเสร็จก่อนหมดเวลา 15 วินาที โดยเมื่อเสร็จแล้วไฟ BH1 จะเปลี่ยนเป็นสีส้ม หากทำไม่เสร็จภายในเวลาที่กำหนด จะไม่สามารถทำขั้นตอนในกระบวนการที่ 4 ต่อไปได้ และไฟ BH1 จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
  • กดปุ่ม ON สีเขียว เพื่อเปิดระบบล็อคแม่เหล็ก เมื่อทำขั้นตอนนี้สำเร็จ ระบบ interlock จะอนุญาตให้สามารถเปิด ABS / WBS / MBS ก่อนถึง hutch นั้นๆได้
  • สำหรับ EH จะมีกระบวนการเปิด MBS1 ด้วยการบิดสวิตช์ Hutch Shutter ด้านหน้า HIC เพิ่มเติมอีก 1 ขั้นตอน เพื่อเปิดให้รังสีเอกซ์ เดินทางเข้ามาใน EH และมาหยุดอยู่ที่ MBS2 บริเวณก่อนถึงตัวอย่าง โดยเมื่อบิดสวิตช์ Safety Shutter แล้ว ไฟ BH1 จะเปลี่ยนเป็นสีแดง

การเปิด Safety gate (FSG)

  • ก่อนเปิดประตู FSG ให้สังเกตสัญญาณไฟ x-ray on อยู่ในสถานะดับ แสดงว่าตัวกั้นรังสี MBS2 ถูกปิดอยู่ จากนั้นปิดตัวกั้นรังสี MBS1 ด้วยการบิดสวิตช์ด้านหน้าตู้ HIC ไปที่ “CLOSE” เพื่อเป็นการปิดไม่ให้รังสีเอกซ์ เดินทางเข้ามาใน EH ไฟ BH1 เปลี่ยนสถานะจากสีแดงเป็นสีส้ม
  • กดปุ่ม OFF สีแดง เพื่อปิดระบบล็อคแม่เหล็ก
  • บิดกุญแจระบบ magnetic lock ไปยังตำแหน่ง “OFF” เพื่อปิดระบบล็อคแม่เหล็ก ไฟสีเขียวแสดงสถานะบน magnetic lock ที่ประตูจะดับลง และไฟ BH1 เปลี่ยนสถานะจากสีส้มเป็นสีเขียว
  • นำกุญแจไปเสียบเพื่อไขประตูให้เปิดออก
  • เปิดประตูสำเร็จ
  • หากทำผิดขั้นตอนดังกล่าวจะมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ให้กลับไปทำตามขั้นตอนที่ 1 อีกครั้ง (เสียงแจ้งเตือนดังเนื่องจากการพยายามเปิดประตู ในสภาวะที่ตัวกั้นรังสี MBS1 ยังไม่อยู่ในสถานะปิด)

คอมพิวเตอร์สำหรับติดตั้งโปรแกรม

ควบคุมการทำงานของ Interlock

เนื่องจากผู้ใช้บริการแสงของระบบลำเลียงแสงที่ 1.3W ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเข้าถึงโปรแกรมควบคุมการทำงานของระบบ Interlock จึงได้มีการติดตั้งคอมพิวเตอร์ซึ่งติดตั้งโปรแกรมดังกล่าวไว้บริเวณหน้า OH1

ซึ่งเป็นบริเวณที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานของผู้ใช้บริการแสง

โปรแกรม Interlock Beamline 1.3W (IB1.3W)

โปรแกรม IB1.3W จะควบคุมการเปิด-ปิด วาล์วและ shutter ทุกตัว ให้เป็นไปตามลำดับขั้นตอนสอดคล้องตามหลักความปลอดภัย โดยแบ่งการทำงานออกเป็น 2 โหมด คือ manual mode ซึ่งเป็นการควบคุมการเปิด-ปิด MBS1 และ MBS2 แบบ manual ผ่านโปรแกรม IB1.3W ซึ่งเหมาะสำหรับใช้งานขณะกำลังเตรียมความพร้อม setup ระบบให้กับผู้ใช้บริการแสง และ CCD mode ซึ่งจะควบคุมการเปิด-ปิด MBS1 ผ่านสวิตช์ Hutch Shutter ด้านหน้า HIC และควบคุมการเปิด-ปิด MBS2 ผ่านโปรแกรมควบคุม CCD detector ซึ่งจะใช้ขณะกำลังให้บริการแสงแก่ user

โดยการใช้งานในแต่ละ mode มีรายละเอียดดังต่อไปนี้

Manual mode

  • โปรแกรม IB1.3W เลือกสถานะอยู่ใน Manual mode
  • ในสถานะเปิดแสงใช้งานจะต้องเปิดวาวล์สุญญากาศ และตัวกั้นรังสีทุกตัวตามลำดับ ดังนี้ PV1>PV-CM>WBS1>ABS>PV6>PV5>PV4>PV3>WBS2 ให้อยู่ในสถานะเปิด โดยโปรแกรมจะไม่สามารถเปิดแบบผิดลำดับได้ จากนั้นปิดประตู Safety gate (FSG) ตามกระบวนการ Search hutch ตามข้อ 1.20.1 จากนั้นเปิดตัวกั้นรังสีตามลำดับดังนี้ MBS1>MBS2 และไม่สามารถเปิดแบบผิดลำดับได้
  • ในสถานะปิดแสงทั้งระบบหลังใช้งาน จะต้องปิดตัวกั้นรังสีตามลำดับดังนี้ MBS2>MBS1 และไม่สามารถปิดแบบผิดลำดับได้ จากนั้นเปิดประตู Safety gate (FSG) จากนั้นจะต้องปิดวาวล์สุญญากาศและตัวกั้นรังสีทุกตัวตามลำดับดังนี้ WBS2>PV3>PV4>PV5>PV6>ABS>WBS1>PV-CM>PV1 และไม่สามารถปิดแบบผิดลำดับได้
  • ในสถานะปิดแสงเพื่อติดตั้งระบบ SAXS/WAXS ที่ห้อง EH จะต้องปิดตัวกั้นรังสีตามลำดับดังนี้ MBS2>MBS1 และไม่สามารถปิดแบบผิดลำดับได้ จากนั้นเปิดประตู Safety gate (FSG)
  • X-ray screen ทุกตัว (SC-FE, SC-SC, SC1-FM, SC2-FM, SC1, SC2) อยู่ในสถานะขึ้น (Up: ยกขึ้นพ้นแสง) เมื่อเปิดแสงใช้งาน และยังสามารถกด Down เพื่อใช้งาน screen ได้เช่นกัน
  • Safety gate จะถูกเปิดได้เมื่อ MBS2 และ MBS1 อยู่ในสถานะปิดแล้วเท่านั้น
  • ไฟ Beacon (BH1) ติดเป็นสีแดงเมื่อ MBS1 เปิด และเป็นสีส้มเมื่อ MBS1 ปิด
  • สัญญาณไฟ x-ray on และไฟ Beacon (BH2) ติดเมื่อ MBS2 เปิด และดับเมื่อ MBS2 ปิดเท่านั้น
  • โปรแกรม IB1.3W จะปิดวาวล์สุญญากาศและตัวกั้นรังสีทุกตัวอัตโนมัติเมื่อมีความผิดปกติของความดันสุญญากาศในระบบลำเลียงแสง
  • Manual mode นี้เหมาะสำหรับใช้งานในการติดตั้งเทคนิค SAXS/WAXS ให้รองรับกับงานวิจัยของผู้ใช้บริการแสง (สำหรับเจ้าหน้าที่ของระบบลำเลียงแสงใช้ในการ setup ระบบ)

CCD mode

  • โปรแกรม IB1.3W แสดงสถานะอยู่ใน CCD mode
  • ในสถานะเปิดแสงใช้งาน จะต้องเปิดวาวล์สุญญากาศและตัวกั้นรังสีทุกตัวตามลำดับดังนี้ PV1>PV-CM>WBS1 >ABS>PV6>PV5>PV4>PV3>WBS2 ให้อยู่ในสถานะเปิด โดยโปรแกรมจะไม่สามารถเปิดแบบผิดลำดับได้ จากนั้นปิดประตู Safety gate (FSG) ตามกระบวนการ Search hutch ตามข้อ 1.20.1 ในกระบวนการปิดประตูดังกล่าวจะมีการเปิด MBS1 ด้วยการบิดสวิตช์ Hutch shutter ไปที่ “OPEN” ด้านหน้าตู้ HIC เพื่อเปิดให้รังสีเอกซ์ เดินทางเข้ามาใน EH และมาหยุดอยู่ที่ MBS2 บริเวณก่อนถึงตัวอย่าง จากนั้น MBS2 จะเปิดขึ้นเมื่อมีการสั่งจากโปรแกรมควบคุมการทำงาน CCD detector
  • เมื่อการวัดรังสีเอกซ์ที่สั่งจากโปรแกรมควบคุมการทำงาน CCD detector สิ้นสุดลง ตัวกั้นรังสี MBS2 จะปิดลงอัตโนมัติ จากนั้นจะปิด MBS1 ด้วยการบิดสวิตช์ Hutch shutter ที่ด้านหน้า HIC ไปที่ “CLOSE”
  • การปิดแสงทั้งระบบจะเหมือนกับการใช้งานใน Manual mode
  • การใช้งานโหมดนี้เหมาะสำหรับผู้มาใช้บริการแสง
  • การเปลี่ยนแปลงส่วนใดๆ ของระบบความปลอดภัยต้องปฎิบัติตามขั้นตอนการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับระบบความปลอดภัยของสถาบัน (ไม่สามารถทำได้โดยพลการ)
  • ระบบลำเลียงแสงผ่านการตรวจสอบระบบความปลอดภัยตามขั้นตอนของสถาบันก่อนการเริ่มใช้งานระบบลำเลียงแสงในทุกรอบการให้บริการ
Infographic Label

Reservations Office

Pin
Cellphone Icon
Message Glyph Icon

สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน(องค์การมหาชน) อาคารสิรินธรวิชโชทัย 111 ถ.มหาวิทยาลัย ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา 30000

โทรศัพท์: 66 44 217 040

siampl@slri.or.th

Infographic Label

Office Hours

  • Monday to Friday

8:30 am to 6:30 pm


  • Saturday to Sunday

Close

Infographic Label

Get Social